http://www.prosoftcreative.com
เทรนด์ที่ 1: Smart Device For Smart Social Network
ในปี 2556 ผู้บริโภคในกรุงเทพและหัวเมืองใหญ่ๆ หันมาสนใจการใช้งานโทรศัพท์แบบสมาร์ทโฟนกันเยอะประกอบกับราคาของเครื่องพวกนี้ก็ไม่ได้แพง อย่างไอโฟนที่เป็นเจ้าตลาดเองก็มีหลากหลายราคาทั้งแพงและถูก ไม่นับรวมซัมซุงที่มีสารพัดราคาตั้งแต่เครื่องละ 2-3 พัน ไปยันหลักหมื่น ทั้งหมดที่ว่ามานี้จะทำให้การใช้โทรศัพท์เป็นลักษณะของดาต้ามากกว่าวอยซ์พูดง่ายๆ คือ คนจะเล่นอินเทอร์เน็ตบนมือถือบนหน้าจอเล็กๆ มากกว่าหน้าคอมพิวเตอร์แล้วนั่นเองครับ
เทรนด์ที่ 2: 3จี ขนานแท้ เร็ว แรง ครอบคลุมมากขึ้น
ในที่สุดเมืองไทยเราก็ประมูลคลื่น 3จี แบบ 2.1 กิกะเฮิรตซ์กันได้ หมายความว่า ระบบ 3จี แท้ๆ จะทำให้การเล่นเน็ตบนโทรศัพท์เร็วขึ้นมาก เราจะโหลดคลิปวีดีโอ หรือไลฟ์ สตรีม รายการโทรทัศน์ผ่านอินเทอร์เน็ตกันแบบคล่องปรื๊ด ส่งผลให้มีเดียเกิดการเปลี่ยนแปลงด้วย กลายเป็นว่าหน้าจอมือถือจะเป็นมีเดียหลักของคนเมืองและคนที่อาศัยตามหัวเมืองใหญ่ ตอนนี้หลายๆ คนเริ่มดูละครโทรทัศน์ย้อนหลังกันในยูทูบใช่ไหมครับ คราวนี้ดูยูทูบผ่านมือถือได้ราบรื่นอย่างไร้รอยต่อกันเลยทีเดียว
เทรนด์ที่ 3 : M-Commerce
บัตรเครดิตจะถูกเอาไปยัดใส่ในมือถือ ทีนี้เวลาจะซื้อจะขายอะไร ก็แค่เปิดแอพบนโทรศัพท์มือถือ แล้วเลือกชำระเงินได้ทันทีเลย ไม่ต้องไปโอนเงินผ่านเอทีเอ็ม หรือไปที่ธนาคารให้ยุ่งยากอีกต่อไป จริง ๆ เทรนด์นี้เกิดขึ้นกับคนกรุงเทพฯ มาสัก 2-3 ปีละครับ แต่เพิ่งมาบูมเอามาก ๆ ในปีนี้
เทรนด์ที่ 4 : App Base
ถือเป็นมาตรฐานการสื่อสารบนสมาร์ทโฟนทีเดียว เมื่อก่อนเราอาจจะบอกว่าเปิดหน้าเว็บจากสมาร์ทโฟนก็พอไหว บางเว็บก็ทำโมบายไซต์ให้เลยด้วยซ้ำไปก็สะดวก อย่างไรผู้บริโภคส่วนใหญ่ก็จะคุ้นชินกับรูปแบบแอพเสียมากกว่าเรียกว่าใช้แอพจนเคยตัวเลย ดังนั้นยุคของการนั่งจำชื่อเว็บไซต์คงหมดไปได้ในยุคนี้ต่อไปคนจะเริ่มจดจำแบรนด์ในชื่อของแอพ จะไม่จำชื่อเว็บไซต์หรือ URL ยาวๆ แล้วครับ
เทรนด์ที่ 5 : Location Base Fever สืบเนื่องจากอะไรๆ ที่เราไปเช็คอินกันไว้ในปีที่แล้วนั่นละครับ กลายเป็นว่าการเช็คอินถือเป็นพฤติกรรมที่ติดตัวคนเมืองแล้ว ไม่ว่าจะผ่านแอพหรือผ่านเครื่องมือถือเฉพาะที่สร้างมาเพื่อรองรับกิจกรรมทางการตลาดใดๆ ก็แล้วแต่ ในปีนี้เราจะเห็นบ้านเมืองเรามีโปรโมชั่นเช็คเพื่อ ลด แลก แจก แถมกันให้วุ่นวายเลยทีเดียวครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น