วันอังคารที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2556

Social Media เครื่องมือธุรกิจที่คุณควรรู้

 Social Media เครื่องมือธุรกิจที่คุณควรรู้



     Social Media หรือสื่อสังคมกลายเป็นสื่อใหม่ที่นักการตลาดพูดถึงไม่ขาดปากในนาทีนี้ ทั้งการสร้าง Application ให้ชาวสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตได้เพลิดเพลิน การสร้างแฟนเพจใน Social Network อย่างเฟซบุ๊ก การสร้างแอคเคาท์โต้ตอบในทวิตเตอร์ การสร้างวิดีโอในยูทูบและอีกหลายสารพันวิธีที่จะทำให้ผู้บริโภคเกิดการรับรู้ในแบรนด์โดยไม่ต้องพึ่งพาสื่อเก่า อย่างวิทยุ โทรทัศน์ หนังสือสิ่งพิมพ์และสื่ออื่นๆ ซึ่งมีต้นทุนแพงและวัดผลคุ้มค่าได้ยากบทความนี้จะรวบรวม"ธรรมชาติ"ของ Social Media ที่ทุกธุรกิจจะต้องเจอหากคิดจะทำการตลาดด้วย Social Media


1.ธรรมชาติของการตลาดบนเครือข่ายสังคม
ลูกค้าคิดว่า ต้องเดี๋ยวนี้-ตอนนี้
       ธุรกิจที่คิดจะโต้ตอบกับลูกค้าผ่านเฟซบุ๊กหรือ Social Network อื่น ควรใช้เวลาในการตอบอย่างมากที่สุดคือ 1 ชั่วโมง จุดนี้มีการสำรวจพบว่า หากไม่มีการโต้ตอบใน 24 ชั่วโมงจะกลายเป็นความรู้สึกไม่ดีในจิตใจของลูกค้า

ลูกค้าเกิดความไม่พอใจอย่างรุนแรง เมื่อไม่พอใจ ลูกค้าที่สื่อสารบน Social Network จะมีแนวโน้มรุนแรงและแสดงออกถึงความไม่พอใจมากกว่าการพบเจอพนักงานที่หน้าเคาน์เตอร์ ธุรกิจที่จะจ้างคนมาดูแลการโต้ตอบบนแฟนเพจจึงต้องถามตัวเองว่า สามารถจ้างคนที่มีวุฒิภาวะพอต่อการตอบความไม่พอใจของผู้บริโภคได้หรือไม่ และควรตอบอย่างไ
การบอกต่อที่รวดเร็วSocial Media เป็นสื่อที่คนทั่วโลกสามารถเข้ามาชมเมื่อไรก็ได้บนความถี่เท่าที่ต้องการ ดังนั้นกระแสการบอกต่อที่รวดเร็วย่อมเกิดขึ้นจากสื่อใหม่กระแสแรงนี้ แต่การบอกต่อที่รวดเร็วอาจนำไปสู่ความผิดพลาดได้สูง ขณะเดียวกัน หากเรื่องราวที่บอกต่อเป็นเรื่องในแง่ลบ ก็ทำให้ธุรกิจเสียหายหลายแสนเหมือนกัน
เกิดคำถามว่าเป็นหน้าที่ใคร กระแส Social Media ของหลายบริษัทไม่ได้เกิดขึ้นเพราะทีมการตลาด เช่น ในบริษัทอาร์เอส ผู้บริหารและศิลปินต่างลงมือตอบแฟนเพจเองหรือในดีแทค ที่ผู้บริหารและพนักงานที่ไม่ใช่ทีมการตลาดต่างร่วมกันส่งต่อคลิปโฆษณาชิ้นหนึ่งบนยูทูบ จนทำให้ดีแทคไม่ต้องเสียเงินซื้อสื่อแต่สามารถดึงชาวเน็ตหลายแสนคนเข้ามาดูโฆษณาของดีแทคได้
ไม่เข้าใจจะไม่ยั่งยืน คำถามที่ทุกธุรกิจต้องพบเจอคือ"เคยใช้ Social Media"เหล่านี้หรือไม่ เพราะการใช้จริงจะทำให้เกิดความเข้าใจในพฤติกรรมผู้บริโภค นำไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน
ต้องมีไกด์ไลน์ ศีลอีกข้อที่ธุรกิจควรปฏิบัติเมื่อเปิดแฟนเพจในเครือข่ายสังคมแล้ว คือ การสร้างไกด์ไลน์ว่าจะตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มใดเป็นหลัก เช่น หญิงหรือชาย เด็กหรือผู้ใหญ่ จุดนี้ธุรกิจควรต้องสร้างคาแรคเตอร์ของตัวเองว่าเป็นใคร พูดภาษาอะไร ควรตอบ Content ลักษณะใด มีตารางการอัปเดตความถี่เท่าใดเหล่านี้ธุรกิจในต่างประเทศ ล้วนมีการกำหนดเป็นคัมภีร์ให้ทุกฝ่ายปฏิบัติตาม ซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ธุรกิจสามารถบริหาร Social Media ได้ดี
ระวังจบแคมเปญปุ๊บ คนหายปั๊บ การสำรวจพบว่าชาวออนไลน์ที่เข้ามาร่วมสนุกในแฟนเพจขององค์กรนั้น ราว 40%ต้องการของฟรี มีเพียง 10-20%เท่านั้นที่ต้องการข้อมูลบริษัทจริงๆ สิ่งที่เกิดขึ้น คือ เมื่อจบแคมเปญ ผู้ใช้จะหายหน้าไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งหน้าที่ของธุรกิจ คือการรั้งให้ผู้ใช้ติดใจกับแฟนเพจบริษัทให้มากที่สุด ไม่ใช่การนำเสนอรางวัลอย่างเดียว
ปริมาณแฟนมีผลต่อการรับรู้ สาเหตุที่หลายบริษัทแข่งกันเหลือเกินในการรวบรวม"แฟน"หรือผู้ติดตาม ในเครือข่ายสังคม เพราะเมื่อองค์กรพูดอะไรออกไป แฟนนับแสนในแฟนเพจจะได้เห็นก่อน ซึ่งมีผลอย่างมากต่อการนำไปสู่การตลาดปากต่อปาก 
2. ธรรมชาติของ Application

- ค่าใช้จ่ายในการทำ Application บนไอโฟนตัวหนึ่งของภาคธุรกิจคือประมาณ 2 แสนบาท
- ป้ายโฆษณาหรือแบนเนอร์บน Application ที่มียอดการคลิกมากกว่าการลงโฆษณากับกูเกิล
- iAd คือดาวเด่นที่นักการตลาดไทยให้ความสนใจ มันคือโฆษณาบนApplicationที่แอคทีฟ-โต้ตอบได้ มาในรูปวิดีโอหรือเกม "Application ซ้อนใน Application" นี้จะทำให้ลูกค้าใช้เวลากับโฆษณามากขึ้น อย่างไรก็ตาม iAd ซึ่งเป็นผลงานสร้างสรรค์ของแอปเปิลนั้นต้องเสียค่าใช้จ่ายสูง คาดว่าค่าใช้จ่ายจะถูกลดลงในปีนี้เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มธุรกิจขนาดเล็ก-รายย่อย
- หลายบริษัทเลือกพัฒนา Application บนเฟซบุ๊ก แทนการพัฒนาApplicationสำหรับไอโฟน เนื่องจากเฟซบุ๊กนั้นเปิดกว้าง ผู้ใช้เฟซบุ๊กโพสต์อะไร ใช้งานอะไรเพื่อนก็จะได้เห็น
- กฎ 2 ข้อของการสร้าง Application เพื่อให้เกิดการบอกต่อปากต่อปาก 1 คือต้องเข้าใจง่าย 2 คือเป็นเรื่องใกล้ตัว ดังนั้นการคิดกิจกรรมใด ๆ จึงต้องมีการศึกษาและสังเกตพฤติกรรมผู้บริโภคให้ดี

3. ธรรมชาติเบ็ดเตล็ด

- นาทีนี้คำว่า Ramen Profitable กำลังมาแรง หมายถึงความสามารถในการทำกำไรได้เร็วในธุรกิจที่มีพนักงานเพียง 1-2 คนบนต้นทุนแสนต่ำ โดยนักเศรษฐศาสตร์พบว่าเทคโนโลยีไอทีในขณะนี้ทำให้เกิดความสามารถในการทำ กำไรแบบนี้ได้จริง เช่น เทคโนโลยีคลาวด์คอมพิวติงที่ทำให้ภาคธุรกิจไม่ต้องลงทุนซื้อเซิร์ฟเวอร์
- หนึ่งในเทรนด์แรงด้านการตลาดออนไลน์นับจากนี้ คือ Semantic Web เป็นเทคโนโลยี Web 3.0 ที่นำไปสู่การตลาดแบบ pull จุดเด่นคือการทำให้ข้อมูลสามารถสร้างการเชื่อมโยงกันเอง ระบบสามารถรับรู้ว่านี่คือข้อมูลอะไร ตัวอย่าง Metadata เหล่านี้ได้แก่ Tripit.com เว็บไซต์จองตั๋วเครื่องบินไม่ธรรมดา เพราะมีระบบที่สามารถดึงคะแนนสะสมชั่วโมงบินหรือ Miles พร้อมกับเสนอข้อมูลการแลกรางวัลกับสถานีที่ท่องเที่ยวแบบอัตโนมัติในที่ เดียว เป็นต้น
- Social Media ไม่ฟรี มีต้นทุน ธุรกิจต้องสมดุลย์กับสื่อเก่าให้ดี
- ลดการปิดคอมเมนต์เพื่อรักษาภาพลักษณ์ในองค์กร จะทำให้ธุรกิจได้รู้ความต้องการที่แท้จริงลูกค้า
- อย่ารีบ หลายบริษัทคิดว่าการตลาดบน Social Media จะสำเร็จในวันสองวัน แต่ความจริงแล้วสื่อประเภทนี้ต้องใช้เวลาในการสะสมชื่อเสียง อย่าเทียบกับสื่ออย่างวิทยุที่เปิดทีเดียวครั้งเดียวมีคนดูหลายคน
- อย่าออนไลน์หมด ให้โยนบางอย่างมาบนกิจกรรมออฟไลน์บ้าง ธุรกิจควรดึงลูกค้าออกมาเจอตัวพนักงานหรือหน้าร้านเพื่อความไว้วางใจ ทางที่ดีควรมีลูกเล่นให้เชื่อมโยงต่อกัน
- บันได 4 ขั้นในการขี่กระแสไอทีในอนาคต คือ
      1. ธุรกิจต้องเข้าใจก่อนว่ามันทำอะไรได้
        2. จากนั้นค่อยนำความสามารถนั้น ๆ มาเชื่อมต่อกับเครือข่าย
      3. ดึงผลิตภัณฑ์ของตัวเองให้ปรากฏบนอุปกรณ์
      4. ที่สำคัญที่สุดคือการทดลองสิ่งใหม่ ๆ เพื่อสร้างความต่างในตลาด

- อย่าตามกรอบ ทฤษฏีการตลาดเป็นแค่พาหะนำคุณไปสู่จุดหมายเท่านั้น ไม่ใช่ภาระที่คุณต้องนำไปถ่วงคอตัวเองไว้

ปรับแผน 5 อย่าง รับมือการเปลี่ยนแปลงโซเชียลมีเดียมาร์เก็ตติ้ง

http://www.prosoftcreative.com

     ภาพรวมของ 2556 สำหรับการตลาดในเมืองไทย ขอโฟกัสที่ 5 เทรนด์ดิจิทัลและโซเชียลเน็ตเวิร์คที่เข้ามาเปลี่ยนวิธีการและรูปแบบของการสื่อสารการตลาดชนิดที่เรียกว่าพลิกฝ่ามือกันเลยทีเดียว

เทรนด์ที่ 1: Smart Device For Smart Social Network
     ในปี 2556 ผู้บริโภคในกรุงเทพและหัวเมืองใหญ่ๆ หันมาสนใจการใช้งานโทรศัพท์แบบสมาร์ทโฟนกันเยอะประกอบกับราคาของเครื่องพวกนี้ก็ไม่ได้แพง อย่างไอโฟนที่เป็นเจ้าตลาดเองก็มีหลากหลายราคาทั้งแพงและถูก ไม่นับรวมซัมซุงที่มีสารพัดราคาตั้งแต่เครื่องละ 2-3 พัน ไปยันหลักหมื่น ทั้งหมดที่ว่ามานี้จะทำให้การใช้โทรศัพท์เป็นลักษณะของดาต้ามากกว่าวอยซ์พูดง่ายๆ คือ คนจะเล่นอินเทอร์เน็ตบนมือถือบนหน้าจอเล็กๆ มากกว่าหน้าคอมพิวเตอร์แล้วนั่นเองครับ

เทรนด์ที่ 2: 3จี ขนานแท้ เร็ว แรง ครอบคลุมมากขึ้น 

     ในที่สุดเมืองไทยเราก็ประมูลคลื่น 3จี แบบ 2.1 กิกะเฮิรตซ์กันได้ หมายความว่า ระบบ 3จี แท้ๆ จะทำให้การเล่นเน็ตบนโทรศัพท์เร็วขึ้นมาก เราจะโหลดคลิปวีดีโอ หรือไลฟ์ สตรีม รายการโทรทัศน์ผ่านอินเทอร์เน็ตกันแบบคล่องปรื๊ด ส่งผลให้มีเดียเกิดการเปลี่ยนแปลงด้วย กลายเป็นว่าหน้าจอมือถือจะเป็นมีเดียหลักของคนเมืองและคนที่อาศัยตามหัวเมืองใหญ่ ตอนนี้หลายๆ คนเริ่มดูละครโทรทัศน์ย้อนหลังกันในยูทูบใช่ไหมครับ คราวนี้ดูยูทูบผ่านมือถือได้ราบรื่นอย่างไร้รอยต่อกันเลยทีเดียว

เทรนด์ที่ 3 : M-Commerce
       บัตรเครดิตจะถูกเอาไปยัดใส่ในมือถือ ทีนี้เวลาจะซื้อจะขายอะไร ก็แค่เปิดแอพบนโทรศัพท์มือถือ แล้วเลือกชำระเงินได้ทันทีเลย ไม่ต้องไปโอนเงินผ่านเอทีเอ็ม หรือไปที่ธนาคารให้ยุ่งยากอีกต่อไป จริง ๆ เทรนด์นี้เกิดขึ้นกับคนกรุงเทพฯ มาสัก 2-3 ปีละครับ แต่เพิ่งมาบูมเอามาก ๆ ในปีนี้

เทรนด์ที่ 4 : App Base
      ถือเป็นมาตรฐานการสื่อสารบนสมาร์ทโฟนทีเดียว เมื่อก่อนเราอาจจะบอกว่าเปิดหน้าเว็บจากสมาร์ทโฟนก็พอไหว บางเว็บก็ทำโมบายไซต์ให้เลยด้วยซ้ำไปก็สะดวก อย่างไรผู้บริโภคส่วนใหญ่ก็จะคุ้นชินกับรูปแบบแอพเสียมากกว่าเรียกว่าใช้แอพจนเคยตัวเลย ดังนั้นยุคของการนั่งจำชื่อเว็บไซต์คงหมดไปได้ในยุคนี้ต่อไปคนจะเริ่มจดจำแบรนด์ในชื่อของแอพ จะไม่จำชื่อเว็บไซต์หรือ URL ยาวๆ แล้วครับ

เทรนด์ที่ 5 : Location Base Fever      สืบเนื่องจากอะไรๆ ที่เราไปเช็คอินกันไว้ในปีที่แล้วนั่นละครับ กลายเป็นว่าการเช็คอินถือเป็นพฤติกรรมที่ติดตัวคนเมืองแล้ว ไม่ว่าจะผ่านแอพหรือผ่านเครื่องมือถือเฉพาะที่สร้างมาเพื่อรองรับกิจกรรมทางการตลาดใดๆ ก็แล้วแต่ ในปีนี้เราจะเห็นบ้านเมืองเรามีโปรโมชั่นเช็คเพื่อ ลด แลก แจก แถมกันให้วุ่นวายเลยทีเดียวครับ

ร้านค้าออนไลน์คืออะไร

http://www.prosoftcreative.com/

     ร้านค้าออนไลน์ถือเป็นสื่อกลางในการซื้อขายสินค้าระหว่างผู้ประกอบการกับลูกค้าอีกช่องทางหนึ่ง ซึ่งเป็นสื่อทางด้านระบบออนไลน์ กล่าวคือมีเว็บไซต์และระบบจัดการซื้อขาย เพื่อให้ลูกค้าสามารถซื้อสินค้าและบริการจากผู้ประกอบการรายนั้นๆ ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ในที่นี้ร้านค้าออนไลน์จะถูกออกแบบให้เหมือนกับร้านค้าที่แสงดรายละเอียดสินค้า ราคา และการบริการทั้งหมดที่ร้านนั้นๆ มีอยู่ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้าเข้ามาซื้อผ่านเว็บไซต์ โดยไม่ต้องมีการเดินทางเป็นช่องทางการจัดจำหน่ายที่ทันสมัย สามารถขายของได้ตลอด 24 ชั่วโมง ประหยัดค่าใช้จ่ายและลงทุนต่ำ

     ร้านค้าออนไลน์ถือเป็น E-Commerce ที่มีระบบซื้อขายสินค้า (Shopping Cart) อยู่บนเว็บไซต์ อีกทั้งยังมีระบบแสดงความคิดเห็นต่อสินค้าและบริการเพื่อส่งตรงถึงเจ้าของร้าน ซึ่งทำให้เจ้าของร้านได้รับ Feedback จากลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว

ร้านค้าออนไลน์แบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ

1. การจ้าง design 
       เป็นเว็บไซต์ที่จ้างออกแบบเพื่อให้ได้เว็บไซต์ในรูปแบบที่เจ้าของร้านต้องการทุกประการ ร้านค้าออนไลน์ประเภทนี้ต้องใช้เวลาในการ design การเขียน Code พอสมควร แต่ลูกค้าจะได้รับระบบเว็บไซต์ตามความต้องการ ซึ่งราคาของร้านค้าออนไลน์ประเภทนี้ขึ้นอยู่กับระดับความยากง่ายและคุณสมบัติของเว็บไซต์นั้นๆ

2. ร้านค้าสำเร็จรูป 

       เป็นเว็บไซต์ที่ถูกออกแบบหน้าเว็บไซต์ไว้เรียบร้อยแล้ว เจ้าของร้านค้าสามารถเลือกใช้บริการตามความต้องการของตนเองได้เลย โดยการเลือก Theme และทำการจัดรูปแบบร้าน ลงรายละเอียดสินค้าได้เองในระยะเวลาอันสั้น โดยที่เจ้าของกิจการไม่จำเป็นต้องมีความรู้ทางด้านการทำเว็บไซต์ก็สามารถสร้างร้านค้าออนไลน์ได้เองอย่างง่ายดาย ร้านค้าสำเร็จรูปนี้ได้รับความนิยมในปัจจุบัน เนื่องจากเป็นเว็บไซต์ที่ประหยัดต้นทุน เจ้าของร้านค้าสามารถจัดการข้อมูลร้านค้าได้เองตลอดเวลา ราคาขึ้นอยู่กับความต้องการระบบที่เจ้าของร้านต้องการใช้งาน สามารถลดหรือเพิ่มระดับความสามารถของระบบได้ในแต่ละปี

4 ประโยชน์ การทำเว็บ E-commerce


 http://www.prosoftcreative.com/

     ความเปลี่ยนแปลงของกาลเวลาได้นำพาสิ่งใหม่ๆ เข้ามาสู่ชีวิตผู้คนอยู่เสมอ แต่สิ่งที่โดดเด่นและจับต้องได้มากที่สุดคงเป็นเรื่องเทคโนโลยีต้องยอมรับว่าการถือกำเนิดของเทคโนโลยีใหม่ๆ มีส่วนช่วยผลักดันและอำนวยความสะดวกให้กับการดำเนินชีวิตประจำวันให้สะดวกสบายยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเทคโนโลยีซึ่งถือว่าเป็นสิ่งประดิษฐ์อันทรงอิทธิพลมากที่สุดในโลกปัจจุบันนั่นก็คือ 'อินเทอร์เน็ต'หลายคนยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่าการถือกำเนิดของโลกออนไลน์เสมือนจริงทำให้ชีวิตพวกเขาแปรเปลี่ยนไปตลอดกาล

     โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการทำธุรกิจอินเทอร์เน็ตเข้ามามีอิทธิพลอย่างมาก และที่น่าจับตามองก็คงไม่พ้นการเปิดเว็บไซต์ขายสินค้าผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์               

      การสร้างเว็บไซต์เพื่อใช้เป็นสื่อในการขายสินค้าได้รับความนิยมอย่างมากในต่างประเทศ แต่สำหรับประเทศไทยแล้วความนิยมด้านเว็บไซต์ขายของเพิ่งจะเริ่มได้รับในระดับเริ่มต้นเท่านั้น อาจเป็นเพราะคนที่มีกำลังซื้ออย่างแท้จริงยังเข้าถึงสื่อประเภทนี้ไม่มากมายนัก บวกกับค่านิยมในอดีตที่มักซื้อขายแลกเปลี่ยนแบบเห็นหน้ากันโดยตรงทำให้มีผลทางความเชื่อมั่นเมื่อต้องเปลี่ยนมาซื้อขายแบบไม่เห็นหน้าโดยผ่านจอคอมพิวเตอร์แทน แต่ในความเป็นจริงการขายสินค้าผ่านเว็บไซต์มีประโยชน์ต่อการทำธุรกิจค่อนข้างมากในปัจจุบัน โดยประโยชน์ของการสร้างเว็บไซต์เพื่อขายสินค้ามีดังต่อไปนี้

       1. ทำเว็บไซต์มีราคาประหยัด           
       ความประหยัดถือเป็นจุดเด่นที่สามารถจับต้องได้ชัดเจนมากที่สุดของการสร้างเว็บไซต์เพื่อขายสินค้า เพราะหากลองจับคู่เทียบความแตกต่างระหว่างการเปิดหน้าร้านขายสินค้ากับการใช้เว็บไซต์เพื่อขายสินค้าแล้ว ผู้ประกอบการก็จะสามารถเห็นความแตกต่างได้อย่างชัดเจน ว่าการขายสินค้าผ่านโลกออนไลน์จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายค่อนข้างมาก เพราะทำเว็บไซต์แทบจะไม่ต้องลงทุนอะไรเลย เพียงแค่เสียค่าโดเมนและค่าทำเว็บไซต์เท่านั้น หรือหากเลือกใช้เว็บสำเร็จรูปก็ยิ่งสะดวกมากขึ้น เว็บไซต์จึงเป็นทางเลือกที่ดีมากในการออกสตาร์ตเริ่มทำธุรกิจ

       2. คนเข้าถึงเว็บไซต์ง่าย            
       การเชื่อมต่อทางอินเทอร์เน็ตสามารถเชื่อมทุกคนจากทุกมุมโลกให้ติดต่อสื่อสารกันได้ผ่านทางเวิล์ดไวด์เว็บ การมีเว็บไซต์เพื่อขายสินค้าจึงเป็นการเพิ่มช่องทางการติดต่อซื้อสินค้าให้มีมากขึ้นและยังเป็นการเพิ่มความสะดวกสบายให้ลูกค้าด้วย เพราะลูกค้าไม่จำเป็นต้องมาเลือกซื้อสินค้าถึงบริษัทหรือหน้าร้านด้วยตนเองซึ่งอาจเสียเวลาพอสมควรเพราะการจราจรที่ติดขัด อีกทั้งเรายังสามารถซื้อขายผ่านเว็บไซต์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ขจัดปัญหาข้อจำกัดทางด้านเวลาได้อีกด้วย

       3. ทำเว็บไซต์ไม่ต้องมีหน้าร้าน  
     การใช้เว็บไซต์เป็นช่องทางการจำหน่ายสินค้ามีข้อได้เปรียบมากกว่าลงทุนเปิดร้านหรือโชว์รูมเป็นของตนเอง เพราะการมีหน้าร้านจะต้องเสียค่าเช่า ค่าตกแต่ง ค่าจ้างพนักงานและอื่นๆ อีกจิปาถะ รวมถึงต้องเหน็ดเหนื่อยดูแลเปิดปิดร้านซึ่งอาจไม่คุ้มค่ามากสักเท่าไรสำหรับธุรกิจซึ่งเพิ่งสร้าง เพราะอาจทำให้ระยะเวลาคืนทุนยืดออกไปอีก

       4. เว็บไซต์ทำให้การเสนอขายน่าสนใจกว่า
       สื่อออนไลน์บนโลกไซเบอร์ได้เปรียบเรื่องเทคโนโลยีและสีสัน ช่วยให้การเสนอขายสินค้าดูดีและดึงดูดได้มากกว่าวิธีปกติธรรมดาทั่วไป ผู้ประกอบการอาจใช้ลูกเล่นในการนำเสนอ อาจการตกแต่งภาพของสินค้าและองค์ประกอบในรูปให้น่าสนใจมากยิ่งขึ้น สร้างวิดีโอสาธิตวิธีใช้งานโดยผู้เชี่ยวชาญหรือดาราผู้มีชื่อเสียงก็น่าสนใจเพราะสามารถส่งผลทางจิตวิทยาต่อผู้รับชมได้ไม่น้อย จึงเป็นเทคนิคที่น่าสนใจอย่างมากสำหรับการขายสินค้าผ่านทางเครือข่ายอินเทอร์เน็ต    

       สำหรับประเทศไทย การขายสินค้าผ่านเว็บไซต์ถือเป็นเทรนด์ใหม่ที่เริ่มได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งยังมีคู่แข่งขันไม่มากที่หันมาใช้กลยุทธ์วิธีนี้ ดังนั้นการขายสินค้าผ่านทางเว็บไซต์จึงเป็นสิ่งน่าสนใจมากซึ่งผู้ประกอบการควรนำมาใช้ต่อยอดทางธุรกิจ อีกทั้งยังควรก้าวให้ทันเทคโนโลยีต่างๆ ด้วย อย่าลืมว่า “การทำอะไรก่อนผู้อื่นย่อมได้เปรียบเสมอ”


SEO คืออะไรและสำคัญอย่างไร

http://www.prosoftcreative.com/


   ในสมัยก่อนร้านค้าบริษัท หรือองค์กร มีเว็บไซต์เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือเท่านั้น โดยไม่ได้คำนึงถึงการใช้ประโยชน์ของเว็บไซต์อย่างเต็มที่ทำให้ไม่เกิดความคุ้มค่าในการลงทุนทำเว็บไซต์ แต่ในปัจจุบันนี้ทุกๆคนสามารถเข้าถึงเครือข่ายอินเตอร์เน็ตได้อย่างแพร่หลายทุกที่ทุกเวลา ทำให้ร้านค้าบริษัทหรือองค์กรต่างๆ เล็งเห็นถึงความสำคัญของการทำเว็บไซต์เพื่อเปิดช่องทางทางการค้ามากขึ้น จึงทำให้ปัจจุบันมีเว็บไซต์เกิดขึ้นมากมาย การที่ทุกๆคนจะจดจำ URL (Uniform Resource Locator) ของแต่ละเว็บไซต์นั้นดูจะเป็นเรื่องที่ยากซะเหลือเกิน จึงจำเป็นต้องพึ่ง Search Engine เข้ามาช่วยในการสร้างความจดจำและง่ายต่อการเข้าถึงเว็บไซต์

     Search Engine คือ โปรแกรมที่ช่วยในการสืบค้นข้อมูลบนอินเตอร์เน็ต โดยผู้ใช้จะต้องกรอกคำสำคัญ (Keyword) ในการค้นหา จากนั้น Search Engine จะแสดงผลการค้นหาออกมาเป็นเว็บไซต์หลายๆ เว็บไซต์ที่มีความเกี่ยวข้องกับ Keyword นั้น นั่นก็หมายความว่าเว็บไซต์ที่แสดงผลในอันดับต้นๆ ของ Search Engine ที่มีผู้ใช้งานมากที่สุดทั่วโลกอย่าง Google ก็จะมีคนคลิกเข้าไปดูเว็บไซต์นั้นเป็นจำนวนมาก เมื่อมีคนเข้าชมเว็บไซต์เป็นจำนวนมาก จึงทำให้เกิดประโยชน์ตามมามากมาย เช่น การขายสินค้าหรือบริการ การขายโฆษณา การโปรโมทเว็บไซต์ เป็นต้น ในทางกลับกันถ้าคุณมีเว็บไซต์ แต่เว็บไซต์ของคุณไม่ได้แสดงผลอยู่ใน Search Engine แล้วล่ะก็ เว็บไซต์ของคุณก็ไม่ต่างอะไรกับเว็บไซต์ร้างที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ใดๆเลย ด้วยเหตุผลนี้เอง เว็บไซต์ต่างๆ ย่อมต้องการให้เว็บไซต์ของตัวเองติดอยู่ในอันดับต้นๆของ Search Engine จึงเป็นที่มาของการทำ SEO นั่นเอง
 
       SEO ย่อมาจาก Search Engine Optimization หมายถึง การจัดทำหรือปรับปรุงเว็บไซต์ให้แสดงผลเป็นอันดับต้นๆ ของการค้นหาใน Search Engine ใน Keyword ที่เหมาะสมและตรงตามวัตถุประสงค์ของเว็บไซต์ เพื่อให้อยู่ในระดับสายตาและสามารถดึงดูดความสนใจจากลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว


ตัวอย่าง ผลการค้นหาจาก Google ด้วย Keyword คำว่า “ผ้าพันคอแฟชั่น”

     ในที่นี้คำว่า “ผ้าพันคอแฟชั่น” เป็น Keyword สำคัญในการค้นหาในครั้งนี้ เมื่อผู้ใช้งาน Google ค้นหาตาม Keyword หากเว็บไซต์ใดที่แสดงผลมาก่อนเป็นอันดับต้นๆ ของ Google ก็จะทำให้มีแนวโน้มที่ผู้ใช้งาน Google จะคลิกเข้าไปดูเว็บไซต์ของผู้ประกอบการนั้นๆมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งก่อให้เกิดการขยายฐานตลาดสินค้าและบริการตามมา

วันจันทร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2556

ทำไมต้องมี Graphic บนเว็บไซต์


     เว็บไซต์เป็นสื่อที่ได้รับความนิยมอย่างมากบนอินเตอร์เน็ต ซึ่งเว็บไซต์เป็นสื่อที่อยู่ในความควบคุมของผู้ใช้โดยสมบูรณ์ กล่าวคือ ผู้ใช้สามารถตัดสินใจเลือกได้ว่าจะดูเว็บไซต์ใดและจะไม่เลือกดูเว็บไซต์ใดได้ตามต้องการ จึงทำให้ผู้ใช้ไม่มีความอดทนต่ออุปสรรคและปัญหาที่เกิดจากการออกแบบเว็บไซต์ผิดพลาดถ้าผู้ใช้เห็นว่าเว็บที่กำลังดูอยู่นั้นไม่มีประโยชน์ต่อตัวเขาหรือไม่เข้าใจว่าเว็บไซต์นี้จะใช้งานอย่างไร เขาก็สามารถที่จะเปลี่ยนไปดูเว็บไซต์อื่นๆ ได้อย่างรวดเร็วเนื่องจากในปัจจุบันมีเว็บไซต์อยู่มากมายและยังมีเว็บไซด์ที่เกิดขึ้นใหม่ๆ ทุกวัน ผู้ใช้จึงมีทางเลือกมากขึ้นและสามารถเปรียบเทียบคุณภาพของเว็บไซด์ต่างๆ ได้เอง

       เว็บไซต์เป็นสื่อที่ได้รับความนิยมอย่างมากบนอินเตอร์เน็ต ซึ่งเว็บไซต์เป็นสื่อที่อยู่ในความควบคุมของผู้ใช้โดยสมบูรณ์ การออกแบบกราฟิกบนเว็บไซต์จึงเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์เข้าใจเรื่องราวที่นำเสนอมากยิ่งขึ้น การออกแบบอย่างสวยงาม มีการใช้งานที่สะดวก ย่อมได้รับความสนใจจากผู้ใช้ มากกว่าเว็บไซต์ที่ดูสับสนวุ่นวาย มีข้อมูลมากมายแต่หาอะไรไม่เจอ หรือใช้เวลาในการแสดงผลแต่ละหน้านานเกินไป ซึ่งปัญหาเหล่านี้ล้วนเป็นผลมาจากการออกแบบเว็บไซด์ไม่ดีทั้งสิ้น

       ดังนั้นการออกแบบกราฟิกบนเว็บไซด์จึงเป็นกระบวนการสำคัญในการสร้างเว็บไซด์ ให้ประทับใจผู้ใช้ ทำให้เขาอยากกลับเข้ามาเว็บไซด์เดิมอีกในอนาคต ซึ่งนอกจากต้องพัฒนาเว็บไซด์ที่ดีมีประโยชน์แล้วยังต้องคำนึงถึงการแข่งขันกับเว็บไซด์อื่นๆ อีกด้วย

ตัวอย่าง การออกแบบ Graphic บนเว็บไซต์ที่ดี

 

สร้างเว็บไซต์และร้านค้าออนไลน์ ง่ายกว่าที่คิด


     เมื่อเริ่มเข้าสู่ยุคของโลกดิจิตอลและโลกออนไลน์ ผู้ประกอบการหลายๆ ท่านคงคิดว่า เว็บไซต์มีความจำเป็นในโลกธุรกิจอย่างมากมาย แต่ใครจะรู้ว่าการทำเว็บไซต์นั้นไม่ได้ยากอย่างที่หลายๆ ท่านคิด การสร้างเว็บไซต์จากเว็บสำเร็จรูป SoGoodWeb ผู้ประกอบการสามารถสร้างเว็บไซต์ได้ด้วยตนเองตามความต้องการเว็บไซต์ที่ตนเองชื่อชอบ วิธีการง่ายๆ ของการสร้างเว็บไซต์ SoGoodWeb มีดังนี้
  • สมัครสมาชิกเว็บไซต์ SoGoodWeb.com
  • เลือก Package เว็บไซต์สำเร็จรูปที่ต้องการ
  • ชำระค่าบริการ/ แจ้งการชำระเงินกับเจ้าหน้าที่
  • เปิดเว็บไซต์ของท่าน และ Domain Name ของเว็บไซต์
  • เลือกรูปแบบเว็บไซต์ (Template) ที่ต้องการ
  • จัดวางเมนู และรูปแบบของเว็บไซต์ตามประเภทธุรกิจของท่าน
  • เพิ่มข้อมูลสินค้า และองค์กร
       เพียง 7 ขั้นตอน ท่านก็สามารถมีเว็บไซต์ของตนเองได้ภายในระยะเวลาที่รวดเร็ว อีกทั้งทีมงาน SoGoodWeb ยังคอยบริการให้คำปรึกษาท่านตลอด 24 ชั่วโมง เพียงแค่ท่านเลือกเว็บไซต์จาก SoGoodWeb วันนี้ทุกอย่างด็ง่ายอย่างที่ท่านคาดไม่ถึง